การ ใช้ สูตร if

การ ใช้ สูตร if เพื่อลดน้ำหนักเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นจริงว่าการลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สูตร if สามารถช่วยให้เราสามารถดำเนินการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปแบบที่อยู่ในกรอบของความรู้สึกสบายเรา ในบทความนี้เราจะหาวิธีในการใช้สูตร if เพื่อลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ก่อนที่เราจะตั้งขั้นตอนในการใช้สูตร if ในการลดน้ำหนัก จุดประสงค์ของการลดน้ำหนักต้องเป็นจุดประสงค์ที่ดีและเหมาะสมกับความเป็นตัวของเรา การตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้เราสามารถมีกำลังใจและแรงบันดาลใจในการตามหาความสำเร็จ อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก ดังนั้น เราควรที่จะตั้งเป้าหมายในระดับที่เหมาะสมที่สุด

เมื่อเรากำหนดเป้าหมายได้แล้ว เราสามารถเริ่มต้นใช้สูตร if เพื่อลดน้ำหนักได้ สูตร if เป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบเงื่อนไขและดำเนินการตามคำสั่งที่เราต้องการให้มันทำ สำหรับการลดน้ำหนัก เราสามารถใช้สูตร if เพื่อตรวจสอบและประมวลผลหลายๆ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักได้ เช่นในตัวอย่างข้างต้น เราใช้สูตร if เพื่อตรวจสอบน้ำหนักปัจจุบันของเราว่ามากกว่าน้ำหนักเป้าหมายหรือไม่ ถ้ามากกว่า เราก็จะพิมพ์ “คุณต้องการลดน้ำหนัก” และหากน้ำหนักเท่ากัน เราจะพิมพ์ว่า “คุณต้องการรักษาน้ำหนักเดิม” แต่ถ้าน้ำหนักน้อยกว่า เราจะพิมพ์ “คุณต้องการเพิ่มน้ำหนัก”

สูตร if ยังสามารถนำมาใช้กับฟังก์ชันการคำนวณแคลอรีที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักได้ ตัวอย่างเช่นในตัวอย่างข้างต้น เราลดแคลอรี่ที่ได้รับจากการออกกำลังกายออกจากการบริโภคแคลอรี่ ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้สูตร if ในการหักค่าการออกกำลังกายจากแคลอรี่ที่บริโภค การใช้สูตร if เพื่อลดน้ำหนักต้องเน้นความสมดุลและการใช้ผลกระทบที่ค่อนข้างน้อยที่สุดต่อร่างกาย เพราะการลดน้ำหนักที่เกิดขึ้นเร็วๆ อาจกลายเป็นการลดแรงกล้าที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาได้อย่างยาวนานได้ ดังนั้น เลือกใช้สูตร if ในการลดน้ำหนักของคุณอย่างมีเสถียรภาพและสอดคล้องกับความต้องการของร่างกายของคุณ

การ ใช้ สูตร if Intermittent Fasting (IF) คืออะไร

การ ใช้ สูตร if การทำ Intermittent Fasting (IF) เป็นวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรี และจำกัดเวลาในการทานอาหาร โดยมีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีที่ได้รับความนิยมก็คือจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง

ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ เราสามารถ ทานได้เวลา 6:00-14:00 โดยหลังจาก 14:00 เป็นช่วงงดอาหาร ทานได้เพียงแต่น้ำเปล่า หรือกาแฟ ชา ที่ไม่ใส่น้ำตาล (งดเว้นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในช่วงอดอาหาร เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความหิวและอยากน้ำตาลได้) สรุปคือ เราจะไม่ได้ทานอาหารมื้อหนึ่ง นั่นก็คือ มื้อเย็น โดยแค่แนวคิดตัดอาหารไปหนี่งมื้อนั้นก็คือ แคลอรีที่หายไปหนึ่งวัน หากทำได้ติดต่อกัน ยังไงน้ำหนักต้องลดได้แน่นอน แต่หลายคนอาจทำแล้วประสบผลสำเร็จบ้าง บางคนน้ำหนักไม่ลดบ้าง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยดังนี้

ปัจจัยที่ทำให้ ลดน้ำหนัก IF 16:8 ไม่สำเร็จ

  1. อดมากเกินไป โดยในช่วงที่ทานได้ 8 ชั่วโมง ควบคุมอาหารมากจนเกินไปจึงทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะจำศีล ลดการเผาผลาญลง และเก็บสะสมพลังงานมากขึ้นเป็นไขมัน ดังนั้นจึงควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยมี โปรตีน ไขมันดี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และผักผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ สรุปช่วงทานได้ควรทานของที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป
  2. ทานมากเกินไป โดยจะทานอาหารเผื่อในช่วงที่อด เช่น ทานข้าว 2-3 จาน เพื่อเวลาอดอาหารจะได้ไม่รู้สึกหิว ในกลุ่มนี้มีความเข้าใจผิดเพราะในช่วงอดอาหารยังไงก็ต้องมีความหิวบ้างเล็กน้อย หากเราจะลดความอ้วนโดยที่ไม่มีความรู้สึกหิวเลย นั่นก็คงไม่ใช่การลดความอ้วนอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวของหมอเองก็ทานอาหารเช้า และกลางวัน 1 จานต่อมื้อ ชนิดอาหารปกติ เป็นอาหารทั่วไป อาจจะมีผลไม้บ้างหลังอาหาร
  3. ต้องงดขนมหวานอย่างเด็ดขาด เนื่องจากหากทำ IF (Intermittent Fasting) แล้วยังทานหวานจะทำให้เกิดอาการติดหวาน Sugar Addict ซึ่งในกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะทำให้ในช่วงอดอาหารไม่สามารถอดได้ อาการก็คือ จะหิวมาก อ่อนเพลียเหมือนขาดพลังงาน แล้วก็จะจบด้วยการกิน แล้วอาจจะทานเยอะกว่าปกติด้วย โดยอาการอยากน้ำตาลจะเป็นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะเป็นปกติในช่วงอดอาหาร โดยไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด ซึ่งคนส่วนมากไม่สามารถทำ IF ได้เนื่องจากอาการ Sugar Addict ในช่วงอดอาหาร
  4. นอนดึก ในคนกลุ่มที่เข้านอนดึกมีความเสี่ยงในความอ้วนง่ายอยู่แล้ว เนื่องจากระบบฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกาย และระบบความอิ่มในร่างกายจะรวนทำให้คนนอนดึกไม่สามารถอดอาหารได้ต้องกินอาหารหวาน และนำไปสู่ความอ้วน ซึ่งเวลาเข้านอนปกติไม่ควรเกิน 22:00
  5. ไม่ออกกำลังกาย เนื่องจากในการลดความอ้วนไม่ใช่แค่การควบคุมแคลอรี แต่ยังรวมถึงการสร้างระบบการเผาผลาญที่ถาวรขึ้นด้วย ในส่วนนี้คือการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้เกิดอาการโยโย่ขึ้นภายหลัง
  6. เมื่อหิวระหว่างช่วงอดอาหาร ให้ทานน้ำเปล่า กาแฟดำ ชาที่ไม่ใส่น้ำตาล ด้วยรสที่ขมจะทำให้เราไม่อยากอาหาร

เนื้อหาเหล่านี้จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจในการทำ Intermittent Fasting (IF) ปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ล่ะคนอาจไม่เหมือนกัน หากมีปัญหาโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเพื่อความปลอดภัย และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการตรวจระดับวิตามินแร่ธาตุในเลือด หรือระดับฮอร์โมนในร่างกาย จะช่วยให้การทำ IF ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การ ใช้ สูตร if

บทความที่น่าสนใจ